วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ยิงดับผญบ.น่าน พุ่ง2ปม การเมือง-รุกป่า

คนร้ายซุ่มยิง ผญบ.ที่จ.น่าน ดับ เผยถูกข่มขู่ให้ลาออกหลายหนแล้ว เจ้าตัวยินยอมแต่ชาวบ้านขัดขวางไว้ กระทั่งถูกลอบยิงดังกล่าว ตร.พุ่ง2ปม กลุ่มเสียประโยชน์เลือกนายกอบต. 6ก.ย.-บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน

เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 31 ส.ค. พ.ต.ท.กำพล พึ่งเดชะ สารวัตรเวร สภ.อวน อ.ปัว จ.น่าน ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 น่าน ว่ามีเหตุยิงกันตายที่บริเวณป่าละเมาะข้างทุ่งนา เขตบ้านทุ่งเฮ้า หมู่ 6 ต.อวน อ.ปัว จ.น่าน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณป่าละเมาะข้างทุ่งนา เขตบ้านทุ่งเฮ้า แยกจากถนนลูกรัง ห่างจากบ้านเลขที่ 16 บ้านทุ่งเฮ้า หมู่ 6 ต.อวน อ.ปัว จ.น่าน ประมาณ 600 เมตร ของนายสม นันศิริ อายุ 56 ปี ผู้ตาย

จากการตรวจชันสูตรพลิกศพ ผู้ตายสวมเสื้อสีขาว สวมกางเกงยีนขายาว สภาพศพนอนหงายถูกยิงเข้าที่หน้าอกซ้าย ลูกกระสุนเฉียงทะลุหัวไหล่ มีรอยกระสุนปืน ออกจำนวน 9 เม็ด จึงได้นำศพไปตรวจชันสูตรที่โรงพยาบาลสมเด็จยุพระราชปัว ตรวจสอบ ที่เกิดเหตุห่างจากผู้ตายประมาณ 3 - 4 เมตร พบรถจักรยานยนต์ล้มอยู่ก่อหญ้าและพบหมอนรองกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 5 ชิ้น เชื่อว่าจะเป็นจุดที่มือปืนนั่งซุ่มดักยิงเหยื่อ จากนั้นมือปืนได้หลบหนีไป

สอบสวนนางทองใบ ภรรยาผู้ตาย เบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้านและมีชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน เขียน จดหมาย ข่มขู่ให้ลาออกจากผู้ใหญ่บ้าน หลายฉบับ รวมทั้งมีการข่มขู่ใช้สีสเปรย์พ่นติดฝาผนังหอประชุมข้อความข่มขู่ หลายครั้ง ผู้ตายและตนเองได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และผู้ตายเคยไปเขียนหนังสือลาออกจากเป็นผู้ใหญ่บ้านที่อำเภอแล้ว แต่ชาวบ้านได้มาขอร้องไว้ ก่อนเกิดเหตุนั้นผู้ตายได้ขับขี่ รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านเพื่อจะไปใส่ปุ๋ยนาข้าว ตั้งแต่เช้า จนใกล้เที่ยง ผู้ตายต้องกลับมารับประทานอาหารที่บ้านตามปกติ แต่วันนี้ผู้ตายไม่ได้มา ตนจึงได้ออกไปตามหาที่ทุ่งนา พบว่านายสมสามี ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต ดังกล่าว เชื่อว่าจะต้องเป็นคนร้ายที่เคยเขียนจดหมายมาข่มขู่ไว้

พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ โทปุญญานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ผู้รับผิดชอบคดีนี้ กล่าวว่า กลุ่มมือปืนน่าจะเป็นกลุ่มผู้มิทธิพลในพื้นที่ และหมู่บ้านเดียวกัน ที่เสียผลประโยชน์ทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วันที่ 6 ก.ย. กลุ่มอิทธิพลดังกล่าวได้ส่งญาติและพี่น้อง ต่างคนต่างส่งลงสมัครแข่งขันกันทั้งหมด หรือ ประเด็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและที่สาธารณะของหมู่บ้าน ที่กลุ่มผู้มี อิทธิพลได้เข้าไปบุกรุกเพื่อนำมาเป็นผลประโยชน์ของตนเอง แต่ได้ถูกผู้ตายและกลุ่มชาวบ้านเข้าขัด

วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

น่านตามจับ ผู้ต้องหาติดกาว หนีจับกุม

เมื่อเวลา 22.00 น. คืนนี้ (14 ก.ค.) ตำรวจเมืองน่าน จับกุมผู้ต้องหาติดกาว ทำร้าย จนท.หลบหนีการจับกุม ได้ที่กระท่อม ร้างในป่าบริเวณหมู่ที่ 10 ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง พร้อมของกลาง จยย.ที่ขโมยไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. คืนนี้ (14 ก.ค.) พ.ต.อ.วิโรจน์ วชิรัคกุล ผู้กำกับการ สภ.เมืองน่าน พร้อม เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นายเชิดชัยหรือแจ๊ด วรวุฒิคณา อายุ 30 ปี ที่อยู่ 289 บ้านเมืองจังใหม่พัฒนา หมู่10 ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง จ.น่าน ได้ที่บ้านไม่มีเลขที่ หลังวัดกาบราง บ้านเมืองจังใหม่พัฒนา หมู่ 10 ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง ควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.สมเกียรติ รวมเงิน ร้อยเวร สภ.เมืองน่าน พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า ใช้สารระเหยบำบัดความต้องการของร่างกายหรือจิตใจโดยวิธีสูดดม และข้อหา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ขณะปฏิบัติหน้าที่

สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ก.ค. 2552 เจ้าพนักงานตำรวจ สภ.เมืองน่าน จับกุมตัว นายเชิดชัย ได้พร้อมของกลาง สารระเหย (กาว 3 เค) บรรจุถุงพลาสติก จำนวน 1 ถุง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองน่าน เพื่อดำเนินคดีความผิดฐาน ใช้สารระเหยบำบัดความต้องการของร่างกายหรือจิตใจโดยวิธีสูดดม ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. ขณะที่ ด.ต.สมพร เชิดชูเผ่าพงศ์ ผู้บังคับหมู่ สภ.เมืองน่าน ปฏิบัติหน้าที่สิบเวรเข้าตรวจสอบห้องควบคุมผู้ต้องหา นายเชิดชัย ถือโอกาสผลักประตูกระแทกตัว ด.ต.สมพร และใช้กำปั้นชกต่อย ด.ต.สมพร แล้ววิ่งหลบหนีออกจากห้องควบคุมผู้ต้องหาอย่างรวดเร็ว โดยวิ่งไปตาม ถนนสุมนเทวราช อ.เมืองน่าน พร้อมขโมยรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กมข 301 น่าน ของประชาชนที่จอดไว้หน้าบ้านเลขที่ 105 ถนนมหาวงศ์ ต.ในเวียง อ.เมืองน่าน ขับหลบหนีไป ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตรวจยึดรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวได้ที่กระท่อม ร้างในป่าบริเวณหมู่ที่ 10 ต.เมืองจัง อ.ภูเพียง

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

พายุหมุนถล่มไร่ข้าวโพดที่น่านหักเสียหาย

กว่า 2 พันไร่ ชาวไร่ข้าวโพด จ.น่าน ชี้เป็นเหตุสุดวิสัย วอนรัฐบาลช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องเงินกู้ยืมจาก ธกส.และเมล็ดพันธุ์จากกองทุน

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (22 ส.ค.) ว่า เวลาประมาณ 09.30 น.เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด บ้านน้ำยาว หมู่ 2 บ้านทุ่งกลาง หมู่ 3 และบ้านดอนน้ำยาว หมู่ 10 ต.อวน อ.ปัว จ.น่านจำนวน 30 ราย นำโดยนายจรัส อุดนันท์ กำนันตำบลอวน และนายสมบัติ กุกไชย นายก อบต.อวน ได้โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากนายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน (รองประธานกรรมการลุ่มน้ำน่าน) เพื่อผ่านไปยัง จากนายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผวจ.น่าน และจนท.ที่เกี่ยวข้อง กรณี ข้าวโพด ที่ใกล้จะเก็บเกี่ยวถูกพายุหมุนพัดทำให้ต้นข้าวโพดหักล้ม แบบถอนรากถอนโคน รวมถึงมีต้นไม้ใหญ่หักโค่นปิดกั้นเส้นทางสายน้ำยาว-บ่อเกลือ ได้รับความเสียหาย ช่วงกิโลเมตรที่ 35-37 เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา

นายจรัส กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากเกษตรกร หลังออกมาทำไร่ข้าวโพดตามปกติ ว่า พายุได้พัดต้นข้าวโพด ล้ม เป็นจำนวนมาก เบื้องต้นได้รับรายงานจากเกษตรกร เมื่อช่วงเช้าพบว่า มี 30 ราย จำนวน 2,000 ไร่ ค่าเสียหายประเมินอยู่ที่ 150,000 บาท คิดเฉลี่ย ครอบครัวละ 70,000 บาท โดยเกษตรกร อยากให้ทางรัฐบาล ช่วยเหลือโดยเฉพาะเรื่องเงินกู้ยืมจาก ธกส.และเมล็ดพันธุ์จากกองทุน เนื่องจากความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเหตุสุดวิสัย

ด้านนายสุรพล กล่าวถึงการช่วยเหลือว่า หลังจากที่ ตนได้เข้ามาตรวจสอบในพื้นที่แล้ว ได้รายงานความเสียหายเบื้องต้นให้ทางนายวีรวิทย์ วิวัฒนวานิช ผวจ.น่าน ทราบ และได้รับแจ้งกลับมาว่ามีการสั่งการให้ทางนายเกษมชัย วัฒนธรรม รอง ผวจ.น่าน ,นายธวัช เพชรวีระ หน.ปภ.น่าน และผู้เกี่ยวข้องให้เข้าไปช่วยเหลือดูแลเกษตรกร

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2553

พายุฤดูร้อนถล่ม 2 หมู่บ้านเมืองน่าน เสียหายกว่า 9 หลังคาเรือน

เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม 2 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา ไร้คนเจ็บ-ตาย แต่บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายทั้งหลังรวม 9 หลังคาเรือน

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 9 เม.ย. ได้เกิดเหตุพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านปากงุ หมู่ 7 และบ้านห้วยสอน ม.5 ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ทำให้บ้านเรือนประชาชน 9 หลังคาเรือน ได้รับความเสียหายหลังคาบ้านปลิวหายไปทั้งแถบ สายไฟฟ้าในหมู่บ้านขาด ไฟฟ้าดับทั้งหมู่บ้าน แต่ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

นางศุภัคณีย์ อนุมา บ้านเลขที่ 5/4 บ้านปากงุ ม.7 ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้น ได้รับความเสียหายหนัก หลังคาบ้าน ซึ่งเป็นสังกะสีได้ปลิวหายไปทั้งแถบ เล่าว่า ช่วงเกิดพายุ ได้มีลมฝนพัดกระหน่ำรุนแรงมาก ลมพัดกระโชกแรงไม่มีทิศทาง ช่วงเวลาไม่ถึง 10 นาที ได้ยินเสียงดังมาก และเห็นว่าหลังคาบ้านปลิวหลุดออกไปตามแรงลม ด้วยความตกใจกลัว ตนจึงได้พาลูกลงมาหลบอยู่ชั้นล่าง จนพายุสงบลง เมื่อสำรวจความเสียหาย พบว่า หลังคาบ้านได้ปลิวหายไปทั้งแถบ ทำให้เสื้อผ้า ของใช้ เครื่องนอนเปียกน้ำฝนได้รับความเสียหาย



ขณะที่ บ้านของนายสุภาพ คำเต็ม อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 58/1 ม.7 บ้านปากงุ ก็ได้รับความเสียหาย หลังคาบ้านซึ่งเป็นสังกะสี ได้ปลิวลอยไกลจากตัวบ้านกว่า 20 เมตร ทำให้ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านได้รับความเสียหายทั้งหมด

ด้าน นายอาวุธ ปัญญาอินทร์ กำนันตำบลไหล่น่าน เปิดเผยว่า จากเหตุพายุฤดูร้อนครั้งนี้ ทำให้มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายทั้งหลัง ในพื้นที่หมู่บ้านปากงุ ม.7 จำนวน 6 หลังคาเรือน และในพื้นที่บ้านห้วยสอน ม.5 จำนวน 3 หลังคาเรือน รวมทั้งสองหมู่บ้าน มีบ้านเรือนราษฎรที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง รวมจำนวน 9 หลังคาเรือน นอกนั้นได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อยประมาณ10 หลังคาเรือน นอกจากนี้มีสายไฟฟ้าในหมู่บ้านขาดได้รับความเสียหาย ต้นลำไยและต้นมะม่วงที่กำลังติดดอก ถูกแรงลมทำให้ผลผลิตได้รับความเสีย

ส่วน นายธวัช เพชรวีระ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.น่าน กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งจัดเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างการสำรวจและประเมินความเสียหาย พร้อมทั้งได้ประสานทาง อบต.ไหล่น่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน เบื้องต้นแล้ว